1.การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ได้เน้นย้ำว่า “ต้องนำข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิวัติตนเองของพรรคไปปฏิบัติอย่างเด็ดขาด” ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างมากแก่ทั่วโลก ท่านช่วยอธิบายได้ไหมว่า “การปฏิวัติตนเองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน” หมายถึงอะไร

การจะเข้าใจประเทศจีนในวันนี้ จำเป็นต้องเข้าใจพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ดำริว่า “การปฏิวัติตนเองเปรียบเหมือนการบำรุงร่างกาย การขับสารพิษในร่างกาย การกำจัดเนื้อร้ายและสิ่งสกปรกเน่าเปื่อยออกจากร่างกาย เพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงและเพิ่มการคุ้มกันให้ตนเอง ไม่ให้พรรคเสื่อมถอยหรือล่มสลาย” ดังนั้น การปฏิวัติตนเองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงหมายถึงกระบวนการต่อสู้กับปัญหาทุกอย่างที่บั่นทอนความก้าวหน้าและความบริสุทธิ์ของพรรค เพื่อบรรลุ “การชำระตนเอง การปรับปรุงตนเอง การปฏิรูปตนเอง และการยกระดับตนเอง” อย่างต่อเนื่อง

ประวัติศาสตร์จีนกว่า 5,000 ปี ได้มีการผลัดแผ่นดินหลายครั้ง นักประวัติศาสตร์จีนได้ศึกษาการรุ่งเรืองและล่มสลายของราชวงศ์ต่าง ๆ จนได้ข้อสรุปว่า ราชวงศ์ต่าง ๆ จะรุ่งเรืองในช่วงต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความมั่นคงทางอำนาจมักทำให้ผู้ครองแผ่นดินรู้สึกยิ่งผยองและฟุ้งเฟ้อ ราชวงศ์จึงเสื่อมถอยและล่มสลายในที่สุด กลายเป็นกระบวนการผลัดแผ่นดินเช่นนี้เรื่อยมา วงจรนี้เรียกว่า “กฎวัฏจักรทางประวัติศาสตร์” นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1921 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ค้นหาวิธีการ “หลุดพ้นจากฎวัฏจักรทางประวัติศาสตร์”ดังกล่าว ซึ่งประธานเหมา เจ๋อตง ได้เสนอคำตอบแรกไว้แล้วเมื่อกว่า 80 ปีก่อนที่เหยียนอานว่า “ต้องให้ประชาชนทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล” ต่อมา หลังการประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่ 18 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เสนอคำตอบที่สอง ซึ่งก็คือ “การปฏิวัติตนเองของพรรค”

2.แล้วพรรคคอมมิวนิสต์จีนดำเนินการปฏิวัติตนเองอย่างไร และได้ผลอย่างไร ในรายงานของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ระบุชัดว่า “การปราบปรามคอร์รัปชันคือการปฏิวัติตนเองที่ลึกซึ้งที่สุด” ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยกลางครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ว่า “คอร์รัปชันคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพรรค การปราบคอร์รัปชันจึงเป็นการปฏิวัติตนเองที่ลึกซึ้งที่สุด”

คำถามคือ จีนมีความมุ่งมั่นในการปราบคอร์รัปชันมากแค่ไหน และได้ผลเพียงใด ข้าพเจ้าขอยกตัวเลขชุดหนึ่งเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เฉพาะปี 2024 หน่วยงานตรวจสอบวินัยทั่วประเทศได้รับเรื่องร้องเรียนกว่า 2.175 ล้านกรณี มีการสอบสวนดำเนินคดี 877,000 คดี รวมผู้ถูกลงโทษ 889,000 คน และมีผู้ให้สินบนในคดีที่เกี่ยวข้อง 26,000 ราย ตัวเลขเหล่านี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ จีนได้ใช้มาตรการพิเศษที่เหนือระดับในการปราบปราม “การทุจริตคอร์รัปชันตัวเล็กตัวน้อย” โดยตรวจสอบและดำเนินคดีกับการทุจริตและพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นใกล้ตัวประชาชนมากกว่า 700,000 กรณี เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรากฐานทางการปกครองของพรรคฯ ภายใต้ปฏิบัติการ “เทียนหวั่ง 2024” จีนได้ติดตามจับกุมผู้หลบหนีคดีออกนอกประเทศ 1,597 คน และยึดทรัพย์สินคืนกว่า 18,280 ล้านหยวน และผลสำรวจชี้ว่า ประชาชนจีนกว่า 97.4% พึงพอใจกับการปราบคอร์รัปชัน ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความกล้าหาญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการต่อสู้กับคอร์รัปชัน พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่าพรรคยังคงเดินหน้าต่อไปในระดับลึกและเข้มข้นยิ่งขึ้น


การเริ่มต้นจากการกวดขันวินัยและความประพฤติเพื่อการบริหารพรรคอย่างเข้มงวด ถือเป็นประสบการณ์สำคัญประการหนึ่งของการปฏิวัติตนเองของพรรคในยุคใหม่ ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดให้สมาชิกทั้งหมดศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตาม “ข้อกำหนดแปดประการของคณะกรรมการกลางพรรค” อย่างจริงจัง การเรียนรู้ครั้งนี้เป็นงานสำคัญที่เลขาธิการใหญ่สี จิ้นผิงเป็นผู้กำหนดหัวข้อและวางแผนด้วยตนเอง และถือเป็นภารกิจสำคัญของการสร้างพรรคในปีนี้ โดยเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ เช่น การกวดขันเรื่องการให้ของขวัญในช่วงเทศกาล การเลี้ยงรับรองด้วยงบหลวง การนำรถราชการไปใช้ในเรื่องส่วนตัว เป็นต้น พร้อมทั้งย้ำให้มีการปฏิบัติตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด โปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต และเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อสร้างจิตสำนึกที่มั่นคง ทำให้ข้าราชการ “ไม่กล้าทุจริต” “ไม่สามารถทุจริต” และ “ไม่อยากทุจริต” ข้อเท็จจริงพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า การปฏิบัติตามข้อกำหนดแปดประการของคณะกรรมการกลางพรรคอย่างเคร่งครัด ได้เพิ่มแนวทางที่มีประสิทธิภาพสำหรับการปฏิวัติตนเองของพรรค ช่วยให้พรรคค้นพบ “คำตอบที่สอง” ของการหลุดพ้นจากวัฏจักรประวัติศาสตร์ และเปิดศักราชใหม่แห่งการปฏิวัติตนเองของพรรคขนาดใหญ่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี

3.จีนและไทยต่างก็เป็นประเทศกำลังพัฒนา การปฏิวัติตนเองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะช่วยมอบประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันของไทยได้อย่างไรบ้าง

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ชี้ว่า จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี ต่างไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด ดุจครอบครัวเดียวกัน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารประเทศเป็นทั้งฉันทามติในเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศ และเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสาระสำคัญของการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย

หากมองไปยังพัฒนาการของพรรคการเมืองทั่วโลก จะเห็นได้ว่าแรงขับเคลื่อนของการพัฒนาพรรคมีอยู่สองประการเท่านั้น คือ พลังภายใน และ พลังภายนอก พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความกล้าที่จะปฏิวัติตนเอง โดยผสานพลังภายในและพลังภายนอกเข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง “ไชน่าโมเดล” สำหรับการพัฒนาพรรคการเมือง ซึ่งทำให้เกิดคุณค่าที่เรียกว่า “การปฏิวัติตนเองนำพาการปฏิวัติของสังคม” ได้สำเร็จ ก้าวข้ามรูปแบบของพรรคการเมืองแบบตะวันตกที่มักพึ่งพาพลังภายนอกเพียงอย่างเดียว และยังเป็นการมอบ “ภูมิปัญญาแบบจีน” และ “ประสบการณ์แบบจีน” ให้แก่ประวัติศาสตร์การพัฒนาพรรคการเมืองของโลก โดยสรุปแล้ว ประสบการณ์สำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการเริ่มต้นจากการกวดขันวินัยและความประพฤติเพื่อบริหารพรรคอย่างเข้มงวด สามารถสรุปได้เป็น “การยึดมั่นห้าประการ” ดังนี้

(1) ยึดมั่นในกฎระเบียบที่เข้มงวดและการควบคุมอย่างมีพลัง โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาระเบียบข้อบังคับด้านวินัยและความประพฤติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีหลักเกณฑ์ที่สามารถปฏิบัติตามได้ มีข้อบังคับให้ยึดถือ และมีหลักฐานให้ตรวจสอบ
(2) ยึดหลัก “ผู้นำเป็นแบบอย่าง” โดยเริ่มตั้งแต่คณะกรรมการกรมการเมืองกลางที่ต้องปฏิบัติตาม “ข้อกำหนดแปดประการของคณะกรรมการกลาง” อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นแบบอย่างสำหรับสมาชิกพรรคทั้งมวล ส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมทางการเมืองภายในพรรคสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(3) ยึดการแก้ไขปัญหาเป็นหลัก มุ่งเน้นการแก้ปัญหา “สี่รูปแบบพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์” ผ่านการให้การศึกษาแบบรวมศูนย์และแบบเฉพาะด้านอย่างเป็นระบบ ขจัดปัญหาคอร์รัปชันและพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่อยู่ใกล้ตัวประชาชนอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ประชาชนสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
(4) ยึดหลักการดำเนินการเป็นประจำ เจาะลึก ยั่งยืน และทำไปทีละก้าวอย่างสม่ำเสมอ การสร้างวินัยและจริยธรรมของพรรคเป็นงานที่ต้องดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด ต้องแก้ไขข้อบกพร่องทีละจุด แก้ปัญหาทีละเรื่อง ผลักดันให้การสร้างวินัยและความประพฤติของพรรคกลายเป็นระบบ เป็นกิจวัตร และยั่งยืนระยะยาว
(5) ยึดมั่นในการพัฒนา “อุดมการณ์ของพรรค” “จริยธรรมของพรรค” และ “วินัยของพรรค” ไปพร้อมกัน โดยเชื่อมโยงการส่งเสริมคุณธรรม การรักษาวินัย และการปราบคอร์รัปชันให้เป็นหนึ่งเดียว อุดมการณ์พรรคที่มั่นคง จริยธรรมพรรคที่ดี และวินัยพรรคที่เข้มงวด คือเอกลักษณ์อันโดดเด่นของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การยึดมั่นดำเนินการทั้งสามด้านควบคู่กัน จะผลักดันการตรวจสอบและจัดการร่วมกันระหว่างการปฏิบัติตนและการทุจริต นำระบบนิเวศการเมืองที่บริสุทธิ์และยุติธรรมมาสู่การสร้างระบบนิเวศสังคมที่เต็มเปี่ยมด้วยความยุติธรรม

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย และยังเป็น “50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน–ไทย” เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พบกับนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ประเทศเกาหลีใต้ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุฉันทามติสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างความเชื่อมโยงด้านยุทธศาสตร์การพัฒนา และการผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน เมื่อไม่กี่วันมานี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และ นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง เข้าเฝ้าฯ ตามลำดับ นับเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทยนับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์จีน–ไทย ประมุขของทั้งสองประเทศจะได้แลกเปลี่ยนทัศนะเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจีน–ไทย ร่วมกันร่างแผนแม่บทที่ยิ่งใหญ่เพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน–ไทย


เมื่อยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นใหม่ของความสัมพันธ์จีน–ไทย ฝ่ายจีนมีความยินดีที่จะรักษาการติดต่อแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดกับราชวงศ์ไทย รัฐบาล รัฐสภา กองทัพ และหน่วยงานทุกระดับของไทย เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ร่วมกันเกี่ยวกับประสบการณ์ในการบริหารพรรคและการบริหารประเทศ นอกจากนี้ จีนยังมุ่งมั่นที่จะกระชับความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมกับไทยในด้านต่าง ๆ เช่น โครงการรถไฟจีน–ไทย การค้าสินค้าเกษตร เศรษฐกิจสีเขียว และนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์จากการพัฒนาในยุคใหม่ของจีน ร่วมกันผลักดันให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองของภูมิภาค
ภาพ //สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3
