Fam Trip เส้นทางการค้าโบราณ “วัวต่าง ม้าต่าง” กิจกรรมพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวการค้าโบราณในประวัติศาสตร์ล้านนา

72 Views

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2568 นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเส้นทางการค้าโบราณในประวัติศาสตร์ล้านนา เส้นทางที่ 2 จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน กิจกรรมพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวการค้าโบราณในประวัติศาสตร์ล้านนา เส้นทางตามรอยเรื่องเล่าไม้ล้านนา ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนา Soft Power เพื่อเป็นต้นทุนพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวมูลค่าสูงกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 โดยมีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกิจกรรม อาทิ สื่อมวลชนประเภทต่างๆ Influencer/Blogger สื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว ตัวแทนเอเจนซี่ด้านการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยว

โดยกิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ธันวาคม 2568 เป็นการเดินทางตามรอยเส้นทางประวัติศาสตร์ โดยเริ่มต้นที่

ฟ้าล้านนา อาร์ตมิวเซียม(Fahlanna Art Museum)
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมเชียงใหม่ที่เล่าเรื่อง ‘ล้านนา’ ผ่านเทคโนโลยี Immersive สุดล้ำ ทั้งภาพ แสง เสียง ที่ทำให้ทุกย่างก้าวรู้สึกเหมือนได้หลงเข้าไปในประวัติศาสตร์จริงๆ จิบกาแฟท้องถิ่นชิลๆ ที่Fahtara Café & Restaurant แล้วแวะเลือกของที่ระลึกครบทั้งศิลปะ อาหาร และวัฒนธรรมในที่เดียว ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัส จุดประกายความอยากรู้ และเชื่อมโยงอดีตเข้ากับปัจจุบัน ฟ้าล้านนาอาร์ตมิวเซียมคือการเฉลิมฉลองให้กับเชียงใหม่ในฐานะ เมืองแห่งมรดกและวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิต และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือนจากทั่วโลก

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารโรงงานยาสูบเก่า ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างสมบูรณ์ โดยยังคงอนุรักษ์โครงสร้างและกลิ่นอายของอาคารเดิมไว้ ผสานกับการออกแบบร่วมสมัยจนเกิดเป็นพื้นที่ที่งดงามและมีเอกลักษณ์ ที่ซึ่ง “อดีตและนวัตกรรม” มาบรรจบกันอย่างกลมกลืน

ดงพระเจ้านั่งโก๋น

คนพื้นเมืองล้านนาจะเรียกพระพุทธรูปว่า พระเจ้า ส่วนคำว่า “โก๋น” เป็นภาษาคำเมืองล้านนา แปลว่า โพรง พระเจ้านั่งโก๋น จึงหมายถึงพระพุทธรูปที่นั่งในโพรงไม้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากาวิละผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อครั้งเสด็จกลับจากไปนมัสการพระบรมธาตุศรีจอมทอง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้แวะพักในดงแห่งหนึ่งริมน้ำแม่ท่าช้าง ซึ่งก็คือพื้นที่บริเวณบ้านดงน้อย หมู่ที่ 9ตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบัน พระองค์ทรงเห็นว่าที่แห่งนี้ร่มรื่นยิ่งนัก เหมาะแก่การสร้างพระพุทธรูปไว้ให้ผู้ที่สัญจรไปมาสักการะกราบไหว้ พระองค์จึงทรงช้างแกะพระพุทธรูปด้วยพระองค์เอง โดยแกะเอาไว้ในต้นไม้สักทอง ซึ่งมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปนั่งอยู่ในโพรงไม้ เหล่าผู้ตามก็ได้ร่วมกันแกะพระพุทธรูปลักษณะเดียวกันนี้กว่า 20 องค์ ต่อมาป่าสักในพื้นที่นี้ได้ถูกสัมปทานให้กับบริษัทต่างชาติ ทำให้ต้นไม้ได้ล้มลง ปัจจุบันคงเหลือพระเจ้านั่งโก๋นองค์ที่พระเจ้ากาวิละสร้างไว้เพียงองค์เดียว ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ของเชียงใหม่ มีทั้งประวัติศาสตร์และความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านมากว่า 150 ปี

วัดหางดง แม่ท่าช้าง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ จุดแวะพักคนเดินทางค้าขายในอดีตระหว่างกัน

อำเภอหางดง เป็นหนึ่งในอำเภอที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัด เป็นเส้นทางการค้าขายมาแต่อดีต ในปัจจุบัน อำเภอหางดงยังคงเป็นศูนย์กลางของการค้าขายและการท่องเที่ยวในภาคเหนือของไทย เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมอย่างหลากหลาย อย่างเช่นความงามทางศิลปวัฒนธรรม ทางพุทธศิลป์อย่าง วัดหางดงที่สร้างขึ้นช่วงปลายสมัยพระเจ้าติโลกราช เดิมชื่อวัดสันดอนแก้วหรือวัดดอนแก้ว ก่อนเปลี่ยนเป็นวัดหางดง วิหารเป็นสถาปัตยกรรมล้านนางดงาม คล้ายวัดต้นเกว๋น มีมุขยื่นด้านข้าง เสาและหน้าแหนบประดับลายปูนปั้นฝีมือเอกลักษณ์ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังไม่เสร็จ และธรรมาสน์ไม้ทาชาดประดับลายทองและกระจก ศิลปะล้านนาต้นพุทธศตวรรษที่ 25

ล่องเรือแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ “สายน้ำแห่งชีวิต”

แม่นำสาละวินที่บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย แม่ฮ่องสอน ดินแดนแห่งวิถีชีวิตริมน้ำสาละวิน มีภูเขาสลับซับซ้อนทิวทัศน์งดงาม เป็นจุดสำคัญด้านธรรมชาติ การท่องเที่ยวและวิถีชีวิตชุมชน มีความสำคัญมาตั้งแต่อดีต ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือและเป็นผ่อนปรนเพื่อการค้าชายแดนไทย-พม่า เป็นตลาดค้าขายชายแดนเล็ก ๆ นักท่องเที่ยวนิยมไปทำกิจกรรมหลากหลายเช่น ล่องเรือชมวิวสองฝั่งแม่น้ำสาละวินและวิถีชีวิตชาวบ้าน,ชมธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ในเขตอุทยานแห่งชาติสาละวิน,เยี่ยมชมหมู่บ้านและเรียนรู้วัฒนธรรมชาติพันธุ์ต่างๆ และถ่ายภาพทัศนียภาพแม่น้ำคดเคี้ยวโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่อากาศเย็นสบาย

อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ในอดีตเมืองแม่สะเรียง หรือ เมืองยวม เป็นชุมชนเก่าแก่ซึ่งมี อายุกว่า 600 มีการค้าขายที่คึกคัก มีการอยู่ร่วมกันของคนหลากหลายชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันอย่างยอมรับความแตกต่างอย่างสงบสุขเกื้อกูลมาช้านาน เป็นเมืองเล็กๆที่มีธรรมชาติ ขุนเขา และป่าไม้สมบูรณ์พร้อมวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นประตู สู่แม่ฮ่องสอน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่น

เดินทางไปตามรอยเส้นทางประวัติศาสตร์ ที่ขุนยวม-แม่สะเรียงกัน

“ศาลจ้าเมืองขุนยวม”

ตั้งอยู่ที่อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในอดีตเป็นเส้นทางท่องเที่ยวการค้าโบราณ ศาลจ้าเมืองขุนยวมเป็นศิลปะผสมระหว่างไทใหญ่กับพม่า ที่คนขุนยวมต่างสักการะบูชาและนับถือมานานเคยเป็นที่ตั้งคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือ เมืองเชียงใหม่ ที่มีเรื่องราวของเจ้าน้อยสุขเกษม ก่อนไปศึกษาที่ มะละแม่ง เพราะเป็นสถานที่ติดชายแดนไทย-พม่า

วัดม่วยต่อ

คนท้องถิ่นจะเรียกวัดม่วยต่อในชื่อเล่นอีกหนึ่งชื่อก็คือ “จองเน๋อหรือวัดทิศเหนือ” และได้มีการจำลองการเดินทางค้าขายในอดีตไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานไว้ดูด้วย คือ “โบต่าง หรือ วัวต่าง ” เนื่องจากว่าการเดินทางเพื่อทำมาค้าขายในอดีตนั้นใช้ทางเท้าเป็นหลัก ไม่ว่าการไปซื้อ-ขายที่เชียงใหม่ แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน หรือ มัณฑะเลย์ ประเทศพม่า อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรื่องราวสมัยสงครามโลกครั้งที่2 จนถึงสิ้นสุดสงครามโลก ประเทศญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม มีทหารที่บาดเจ็บเยอะ เลยมีการตั้งค่ายพักแรมเต็มขุนยวมไปหมด และวัดม่วยต่อแห่งนี้ก็ได้ใช้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว

วัดต่อแพ (ชุมชนไทใหญ่)

ตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่องเล่าคาราวาน เส้นท่างการค้าโบราณ คาราวานวัวต่าง – จากพม่า สู่เมืองขุนยวม เดิมเป็นวัดร้าง มีเจดีย์เก่าและซากปรักหักพัง กระทั่งปี พ.ศ. 2461 พระธุดงค์ไทใหญ่จากพม่ามาต้งสำนักสงฆ์และพ่อค้าในพื้นที่ร่วมกับชาวบ้านสร้างศาลาการเปรียญ บูรณะเจดีย์เก่าและสร้างเจดีย์ใหม่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมสร้างวิหาร วัดตั้งชื่อตามหมู่บ้านซึ่งชื่อมาจากการใช้ไม้ไผ่ต่อแพเพื่อค้าขาย ภายในวัด อาทิ พระประทานไม้แกะสลัก, ผ้าม่านโบราณ 100 ปี, จองซอน,พระอุปคุตหินอ่อนศิลปะมัณฑเลย์, มณฑป, วิหาร, กุฎิครูบาบุญชุ่ม, ต้นศรีมหาโพธิ์ สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง วัดเป็นที่พักทหารญี่ปุ่นจะเดินทางต่อไปยังพม่า บริเวณวิหารเล็กที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเจดีย์ใช้เป็นสถานที่พิมพ์ธนบัตร พื้นที่ใต้ถุนศาลาวัดใช้เป็นสถานพยาบาล จากนั้นทางคณะได้ร่วมทำ Workshop วิถีคนไต

ร้าน “จิ้นตุ๊บ” อำเภอแม่สะเรียง เสบียงโบราณ พ่อค้าวัวต่าง

“จิ้นตุ๊บ” เสบียงอาหาร ของกลุ่มพ่อค้าวัวต่างม้าจ่าง บนเส้นทางการค้าโบราณ อำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดมากว่า 20 ปี เป็นร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดัง มีเมนูเด่น เช่น ลาบ ไส้อั่ว ต้มแซ่บแอ๊บ และน้ำพริก โดยเฉพาะ “จิ๊นตุ๊บ” (เนื้อหรือหมูทุบ) หมักและย่างบนเตาหน้าร้าน ก่อนใช้ค้อนทุบเนื้อนุ่ม เสิร์ฟคู่ข้าวเหนียวร้อน ๆ และน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ 2 แบบ คือ น้ำจิ้มหอมและน้ำจิ้มข่าเพิ่มรสชาติอร่อยเข้มข้น จากนั้นคณะได้เดินทางกลับสู่จังหวัดเชียงใหม่

สำหรับการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวการค้าโบราณ นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวว่า

“กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนหนึ่งก็คือจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูล ลำปาง และแม่ฮ่องสอนได้ร่วมมือกันในการที่จะพัฒนาเส้นทางเรื่องของเส้นทางการค้าโบราณเพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวในเชิงประสบการณ์ ในเชิงประวัติศาสตร์เราได้แบ่งเส้นทางออกเป็น 2 เส้นก็คือเส้นทางของวัวต่าง ม้าต่างได้มีการพัฒนาเรื่ององค์ความรู้ ถอดบทเรียนและทำเส้นทาง ตลอดจนได้พัฒนาเส้นทางมาท่องเที่ยวในเส้นทางของเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ในเส้นของแม่สะเรียง-ขุนยวม อีกเส้นหนึ่งก็คือเส้นการค้าไม้โบราณก็เป็นเส้นทางของเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เราได้มีการพัฒนาเรื่องของบุคลากรในเรื่องของการเป็นนักสื่อความหมายท้องถิ่น ได้เชิญทาง Influencer ผู้ประกอบการ แล้วก็สื่อมวลชน ลงพื้นที่เพื่อสำรวจเพื่อนำแหล่งเส้นทางดีๆเหล่านี้ เส้นทางที่เป็นประสบการณ์ของการค้าโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไม้ เรื่องของวัวต่าง ม้าต่างเพื่อนำไปถ่ายทอดต่อให้กับนักท่องเที่ยวแล้วก็ให้ทางผู้ประกอบการได้สามารถที่จะเลือกสรรว่าในแหล่งไหนที่มีศักยภาพในการที่เขาจะสามารถเอาไปประกอบในเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อนำไปจำหน่ายหรือส่งต่อให้กับนักท่องเที่ยวรวมถึงสื่อมวลชน Influencer ก็จะได้กระจายเรื่องราวดี ๆเส้นทางดี ๆ เรื่องราวของประสบการณ์แล้วก็เรื่องราวของประวัติศาสตร์ของการการค้าโบราณนี้แหละให้กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้รับรู้รับทราบต่อไป”

นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า “อยากฝากผู้ประกอบการ อินฟูเอ็นเซอร์ และก็สื่อมวลชน ช่วยกันกระจายเรื่องราวดีๆของชาวเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ให้ได้รู้ว่าประวัติศาสตร์ล้านนา มีรากเหง้าอันยาวนานและมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่อยากให้ทุกคนมาสัมผัสและหลายๆที่ ที่ยังไม่เคยได้มีคนได้เข้ามาพบเห็นและอยากฝากให้ไปจนถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่าพื้นที่ของเรามีความพร้อมมีศักยภาพรวมถึงในอนาคตได้มีการต่อยอดได้ช่วยการส่งเสริมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการและในทุกภาคส่วนในการนำมิติเรื่องราวของประสบการณ์ เรื่องราวของประวัติศาสตร์ไปถ่ายทอด เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งหมุดหมาย ให้เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แล้วก็แม่ฮาองสอน เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของการท่องเที่ยวในเชิงประสบการณ์และเชิงประวัติศาสตร์ในอนาคตครับ”