หน้าแรก ซะป๊ะ...เรื่องเก่า เล่าเรื่องเมืองเชียงใหม่ | ปล้นกลางเมืองเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๖ กวาดเงินไปกว่า 1 ล้านบาท

เล่าเรื่องเมืองเชียงใหม่ | ปล้นกลางเมืองเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๖ กวาดเงินไปกว่า 1 ล้านบาท

486
0

ปลายปี พ.ศ.๒๕๓๖ เกิดคดีอุกฉกรรจ์ที่สร้างความหนักใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนติดตามจับกุม เมื่อมีคนร้าย ๓ คน มีอาวุธปืนบุกเข้าปล้นธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนมูลเมือง ได้เงินสดไป ๑ ล้านบาทเศษ สมัยนั้นยังไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้การสืบสวนหาตัวคนร้ายกระทำได้ยาก

หนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ ฉบับวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๖ รายงานข่าวเหตุการณ์นี้ว่า
“๓ โจรควงอาวุธสงครามปล้นธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่
ปฏิบัติการปล้นธนาคารอุกอาจรายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น.วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๖ ขณะ ร.ต.อ.ไพศาล นันตา ทำหน้าที่ร้อยเวร สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้าย ๓ คนบุกเข้าปล้นเงินสดจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาถนนมูลเมือง ตั้งอยู่เลขที่ ๒๐๕/๓-๖ ถนนมูลเมือง ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ แล้วรีบรุดไปสอบสวนที่เกิดเหตุร่วมกับผู้บังคับบัญชา คือ พล.ต.ท.นพเก้า ธัญญศิริ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ๓, พ.ต.อ.พิจิตร อิ่มสงวน หัวหน้าตำรวจภูธรเชียงใหม่, พ.ต.ท.อรรถกิจ กรณ์ทอง สารวัตรใหญ่.สภ.อ.เมืองเชียงใหม่, พ.ต.ท.วีระวุฒิ เนียมน้อย สารวัตรสอบสวนฯ, พ.ต.ท.วิชัย รูปเล็ก สารวัตรสืบสวนฯ, พ.ต.ต.จารึก ลิ้มสุวรรณ สารวัตรสอบสวนฯ และ ร.ต.อ.วรกร อยู่อย่างไทย รองสารวัตรสืบสวนฯ กับพวก

ในที่เกิดเหตุพบพนักงานของธนาคารยืนจับกลุ่มกันอยู่ ต่างมีอาการตื่นตระหนก ส่วนคนร้ายทราบว่ามีด้วยกัน ๓ คน ได้หลบหนีไปก่อนหน้านั้นแล้ว โดยพนักงานของธนาคารจำได้ว่าคนร้าย ๒ คนแรกสวมเสื้อแจ๊กเก็ต สวมหมวกไหมพรมสีเทา ส่วนอีกคนสวมเสื้อสีขาว สวมหมวกกันน็อคสีแดง ทั้ง ๓ คนมีอาวุธปืนคาร์บินยาวแบบพับฐานเป็นอาวุธ ได้หลบหนีไปโดยใช้พาหนะรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จึงวิทยุสกัดจับไปตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง แต่ไม่พบวี่แววของคนร้าย

จากการสอบสวนนายจีระศักดิ์ ศรีประเสริฐ อายุ ๔๒ ปี ผู้จัดการธนาคารที่เกิดเหตุให้การว่าธนาคารดังกล่าวเพิ่งเปิดดำเนินการใหม่ยังไม่มียามรักษาความปลอดภัย ก่อนหน้านั้นขณะพนักงานกำลังทำงานกันอยู่ภายในธนาคารได้มีคนร้าย ๓ คนโผล่พรวดเข้ามาในธนาคารพร้อมส่ายปืนคาร์บินกราดไปมาและตะโกนให้พนักงานทุกคนหมอบลงกับพื้น จากนั้นคนร้ายได้เดินตรงเข้าไปหาแคชชเชียร์ ใช้ปืนจี้ชิงเงินสดจำนวน ๑.๒ ล้านบาท แล้วพากันวิ่งลงจากธนาคารไปขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป แต่ด้วยความรีบร้อนรถของคนร้ายได้เสียหลักแฉลบลงข้างถนนห่างจากธนาคาร ๒๐๐ เมตร แต่ก็เข็นรถขึ้น ขับหลบหนีต่อไปได้ โดยคนร้ายทิ้งอาวุธปืนและหมวกกกันน็อคไว้ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบคดี ขณะรายงานข่าวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสกัดจับคนร้ายรายนี้ทั้งในตัวเมืองและต่างอำเภอใกล้เคียง มีการตรวจค้นตามบังกะโลและเกสต์เฮ้าส์ต่างๆ ตลอดทั้งแหล่งให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายแก๊งนี้”

ในคดีนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ความสำคัญมาก โดย พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา รองอธิบดีกรมตำรวจป่ายปราบรามได้เดินทางมาเชียงใหม่ ประชุมนายตำรวจที่รับผิดชอบและ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีภายใน ๓ วัน

หลังจากเกิดเหตุการณ์ปล้นธนาคารเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๖ ต่อมาวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๖ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสบความสำเร็จในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้พร้อมเงินสดของกลางบางส่วน การติดตามจับกุมคนร้ายในคดีนี้ใช้เวลา ๑๕ วัน

“ตำรวจท้องที่ก็มีฝีมือ จับครบทีม โจรปล้นแบงก์
มีเล็กหน้าหยกเป็นหัวหน้าแก๊ง แฉวางแผนฆ่าสมุนฮุบเงินคนเดียว
จากคดีกลุ่มโจรร้ายรวม ๓ คน ใช้อาวุธปืนสงครามบุกปล้นธนาคารกสิกรไทยจำกัด สาขาถนนมูลเมือง ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่เมื่อเช้าวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๖ ได้เงินสดจำนวน ๑,๐๙๓,๓๐๐ บาท แล้วพากันหลบหนีอย่างลอยนวลโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา รองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายปราบปราม, พล.ต.ท.นพเก้า ธัญญสิริ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ๓, พล.ต.ต.เจษฎางค์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธร ๓ ได้ร่วมประชุมวางแผนติดตามกลุ่มคนร้าย โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.บำรุง เกิดดี รองผู้บังคับการตำรวจภูธร ๗, พ.ต.อ.พิจิตร อิ่มสงวน หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่, พ.ต.ท.อรรถกิจ กรณ์ทอง สารวัตรใหญ่ สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ เร่งสืบหาตัวคนร้าย

ด้านการสืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายใช้เส้นทางสายอำเภอพร้าวหลบหนี และด้วยความรีบเร่งได้ทำเงินสดจำนวนหนึ่งหล่นบนถนนสายอำเภอพร้าว ชาวบ้านและคนขับสองแถวพากันจอดรถเก็บ ทำให้เป็นแนวทางในการแกะรอยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ต่อมาเวลา ๑๓.๐๐ น.วันที่ ๑๘ ธันวาคมนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.อ.เมืองเชียงใหม่ นำโดย ด.ต.ธวัช คำภิโร, ด.ต.จิตต์ ทิพย์เนตร, ด.ต.เสนาะ เขียวอยู่ และ จ.ส.ต.บุญอยู่ เชื้อยัง กับพวกได้จู่โจมจับกุมกลุ่มคนร้ายได้ครบ มีนายจรัญ หรือรัญ สุริยะสาร อยู่หมู่ ๘ ต.แม่ปั๋ง อำเภอพร้าว ขณะหนีไปอยู่บ้านเพื่อนท้องที่อำเภอแม่ริม ต่อมาจับกุมนายเกรียงไกรหรือเล็ก ตันเจริญวรกุล หัวหน้าแก๊งอยู่หมู่ ๔ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว และนายชื่น หรือคำชื่น วิจารณ์ อยู่หมู่ ๓ ต.เวียง อ.พร้าว จับกุมขณะเป็นเจ้ามือการพนันไฮโลว์อยู่เขตอำเภอหางดง

จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า นายเกรียงไกรเป็นหัวหน้าแก๊งวางแผนปล้นในครั้งนี้ซึ่งมีฉายารู้จักกันในวงการนักเลงว่า เล็ก หน้าหยก โดยก่อนลงมือปล้นธนาคารนายเกรียงไกรได้ไปรับตัวนายชื่นซึ่งเพิ่งพ้นโทษในคดีฆ่าพันเอกทหารคนหนึ่งตายบนรถเมล์ที่อำเภอฝาง โดยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ๒๐ ปี ออกจากเรือนจำที่กรุงเทพฯ จากนั้นพากันเดินทางมาที่อำเภอพร้าว ขณะเดียวกันได้ชักชวนนายจรัญ เจ้าของฟาร์มหมูซึ่งกำลังมีปัญหาเรื่องการเงินมาร่วมปล้นด้วย

หลังปล้นได้เงินแล้วได้หลบหนีไปหลบซ่อนอยู่เขตอำเภอพร้าว นายเกรียงไกรแบ่งเงินให้นายจรัญและนายชื่นคนละ ๑ แสนบาท ส่วนเงินที่เหลือเก็บรวมไว้และหลบหนีไปกบดานอยู่ที่กรุงเทพฯ และนัดหมายจะกลับมาแบ่งเงินที่บ้านนายเกรียงไกรวันที่ ๑๘ ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบจึงจับกุมตัวได้ดังกล่าว หลังจากนั้นได้ติดตามยึดเงินของกลางคืนมา ๕ แสนบาทเศษ

หลังการจับกุมคนร้ายในคดีนี้ พล.ต.ท.นพเก้า ธัญญสิริ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ๓ ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับตำรวจที่ร่วมสืบสวนจับกุมคนร้ายในคดีนี้ และได้มอบโล่ให้กับ พ.ต.ท.อรรถกิจ กรณ์ทอง สารวัตรใหญ่.สภ.อ.เมืองเชียงใหม่, พ.ต.ท.อุดม พรหมสุรินทร์ สารวัตรสอบสวน สภ.อ.เมืองเชียงใหม่และชุดสืบสวน สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ โดย ร.ต.อ.พรชัย พักตร์ผ่องศรี สารวัตรสืบสวนเป็นผู้รับมอบ”(นสพ.ไทยนิวส์,๒๐ ธ.ค.๒๕๓๖)

เบื้องหลังการสืบสวนจนได้ตัวคนร้ายทั้งสามคนในคดีนี้ ผู้หนึ่งที่ร่วมทำการสืบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายได้คือ ร.ต.ท.เสนาะ เขียวอยู่ ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับหมู่ฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเชียงใหม่

ปัจจุบัน ร.ต.ท.เสนะ เขียวอยู่ อายุ ๗๐ ปี(เกิด พ.ศ.๒๔๙๗) เดิมเป็นชาวอำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จากโรงเรียนบ้านลาดวิทยาและสอบเข้าเรียนโรงเรียนตำรวจภูธร ๗ จังหวัดนครปฐม บรรจุรับราชการที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมามาช่วยราชการเป็นสายตรวจรถจักรยานยนต์ประจำศูนย์วิทยุ ๑๙๑ ในสมัยที่ พ.ต.ท.สมชาย พานิชกุล รองผู้กำกับการฯเชียงใหม่ริเริ่มสายตรวจรถจักรยานยนต์โดยสั่งการด้วยระบบติดต่อสื่อสารทางวิทยุมือถือ ต่อมาย้ายมาอยู่ชุดสืบสวนในสมัยที่ พ.ต.ท.พิมล สินธุนาวาเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเชียงใหม่ ขณะนั้นสารวัตรสืบสวน คือ พ.ต.ต.ประสิทธิ์ สทรลักษณ์ และมีรองสารวัตรสืบสวน คือ ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ เชื้อสมบูรณ์
ร.ต.ท.เสนาะ เขียวอยู่ เล่าเบื้องหลังการสืบสวนจนรู้ตัวคนร้ายในคดีนี้ว่า

“สมัยนั้นสารวัตรสืบสวนกองเมืองเชียงใหม่ คือ ร.ต.อ.พรชัย พักตร์ผ่องศรี เพิ่งขึ้นรับตำแหน่งยังไม่ติดยศพันตำรวจตรี การสืบสวนแกะรอยจากอาวุธปืนคาร์บินที่คนร้ายทิ้งไว้ จำได้ว่าแปลกกว่ากระบอกทั่วไปเพราะคนร้ายตัดลำกล้องให้สั้นลงและตัดพานท้ายปืนให้สั้น ทำพานท้ายปืนใหม่เพื่อให้สะดวกในการพกพาติดตัว

“การสืบสวนสมัยนั้นได้จากพรรคพวกหรือที่เรียกว่า สาย นำปืนของกลางไปสอบถามตามช่างที่รับตัดแต่งปืนและรับแก้ปืน ช่างคนหนึ่งจำได้ว่ามีคนอำเภอพร้าวมาให้ตัดแต่งปืน สืบจนรู้ตัวคนร้ายว่าคือ นายเกรียงไกรหรือเล็ก ในวันจับกุมผมร่วมเดินทางไปอำเภอพร้าวด้วย มี พ.ต.ท.อรรถกิจ กรณ์ทอง สารวัตรใหญ่กองเมืองเชียงใหม่เป็นหัวหน้า ไปค้นบ้านนายเกรียงไกรและพบเงินของกลางซ่อนอยู่ในเล้าหมู จับกุมตัวนายเกรียงไกรได้ ให้การรับสารภาพ หลังจากนั้นจึงมีการจับกุมคนร้ายอีก ๒ คนได้ มีชุดสืบสวนแยกไปจับกุม
“การสืบสวนคดีสมัยก่อนอาศัยความกว้างขวางของชุดสืบสวนที่ต้องรู้จักคนมาก มีพรรคพวกมาก ทำให้ได้ข้อมูล ต่างกับปัจจุบันที่มีเทคโนโลยี เช่นกล้องวงจรปิด สืบสวนจับกุมคนร้ายได้ง่าย”

ผลงานในคดีนี้ ร.ต.ท.เสนะ เขียวอยู่ ได้รับมอบโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณจาก พล.ต.อ.เภา สารสิน ขณะนั้นเป็นรองประธานและกรรมการธนาคารกสิกรไทย
นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกหลายคดี โดยเฉพาะคดีการวิสามัญฯ คนร้ายชิงทรัพย์ร้านทองตั๊กเชียงล้งที่ตลาดวโรรส ยิงคนร้ายเสียชีวิตขณะคนร้ายยิงต่อสู้ นำของกลางสร้อยคอทองคำหลายรายการส่งคืนเจ้าของ.

พล.ต.ต.อนุ เนินหาด เรียบเรียง

Like (1)
บทความก่อนหน้านี้โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติควงแขนพะเยาพิทยาคมคว้าแชมป์ ฟุตบอล PHAYAO PM CUP 2024
บทความถัดไปผบ.นบ.ยส.35 เผยยาเสพติดมหาศาลรอทะลักเข้า พบมีปรับรูปแบบนำเฮโรอีน-ไอซ์เข้าชายแดนเพิ่มอีก หวังหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ