เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ลานจามจุรี คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ได้มีพิธีเปิดรูปปั้นท่านมหาตมะ คานธี โดยมี กงสุลกฤษณะ จัยตัญญา กงศุลอินเดียประจำจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธาน พร้อมด้วยศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร.เอกชัย มหาเอก รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่,รองเลขาธิการฯ มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี รองศาสตราจารย์ โรม จิรานุกรม ,ผู้อำนวยการศูนย์อินเดียศึกษา รองศาตราจารย์ ดร.พฤดี หงุ่ยตระกูล ,คณบดีคณะสังคมศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร. เทพินทร์ พัชรานุรักษ์ ,ดร.ปัทมา สว่างศรี นักวิชาการผู้ชนะรางวัลภาษาฮินดีโลก,เหมือนใจ วงศ์ใหญ่ ผู้อำนวยการ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3, คุณอุบลนัดดา (ลิ้มจรูญ) สุภาวรรณ กรรมการผู้จัดการหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์เชียงใหม่ ,พี่น้องชาวไทย-อินเดีย ,คณะนักศึกษาและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน
โดยการเปิดรูปปั้นท่านมหาตมะ คานธี ในครั้งนี้เพื่อร่วมกันเป็นสักขีพยาน โดยเป็นกิจกรรมหนึ่ง ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปี เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ถือเป็นแห่งที่สองในประเทศไทย ถัดจากมหาวิทยาลัยรังสิตที่ได้มีรูปปั้นของบุคคล ผู้ซึ่งยึดหลักความจริง โดยมีรูปปั้นที่ได้รับการสถาปนาจัดตั้งขึ้นใน หลายเมือง หลายวิทยาเขตทั่วโลก ซึ่งลักษณะของรูปปั้นบ่งบอกถึงการก้าวเดินด้วยเลือดและเนื้อ บนโลกใบนี้และถือไม้เท้าอยู่ในท่าสงบนิ่ง
มหาตมะ คานธี เป็นผู้ที่เปลี่ยนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของอินเดียไปสู่การเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนในแบบวิธีอหิงสา- บางสิ่งที่โลกไม่เคยรับรู้ เพื่อปลดปล่อยอินเดียให้เป็นอิสระจาก ‘ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่โลกพบเห็น’ ซึ่งพันธนาการและส่งผลให้อินเดียประสบกับความทุกข์ยากลำบากด้วย ‘ไฟและคมดาบ’ นับตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ทำให้ประชาชนยากจนคับแค้น ทำลายรากแห่งวัฒนธรรมและด้อยค่าด้านจิตวิญญาณ เหล่านี้ด้วยวิธีอหิงสาที่จะต่อต้านต่อความอยุติธรรมและ เผด็จการ ให้ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนประชาชนในโลกรวมถึงในภูมิภาคนี้
แต่มหาตมะ คานธี ผู้ที่ได้รับสมญานามเรียกขาน ที่มีนัยสำคัญยิ่งใหญ่ อาทิ เป็นผู้นำด้านศีลธรรมและจริยธรรม ด้านเศรษฐกิจสังคม ด้านรัฐศาสตร์ และด้านระบบนิเวศน์ และในบทวิจารณ์อันทรงพลังของท่านเกี่ยวกับการใช้ธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง จนกลายเป็นแบบดำรงชีวิตที่สิ้นเปลืองแหล่งทรัพยากรของเรา
กงสุลกฤษณะ จัยตัญญา กงศุลอินเดียประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวว่า “ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ที่ได้เล็งเห็นและช่วยเหลือโครงการนี้จนประสบความสำเร็จ แม้กระทั่ง ต้องปรับเปลี่ยนการก่อสร้างอาคารเรียนของคณะสังคมศาสตร์ รวมถึงคณะทำงานที่มีส่วนร่วม มีบทบาทในการทำให้งานครั้งนี้ประสบความสำเร็จและผู้ให้การสนับสนุน ส่งเสริมกิจกรรมด้านต่างๆของศูนย์ฯเป็นอย่างดีเสมอมา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารูปปั้นของท่านมหาตมะ คานธีนี้ จะช่วยสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้คนทั้งในและนอกวิทยาเขตที่เคารพแห่งนี้ ในการที่จะค้นหา และพบวิถีทางที่จะอยู่ร่วมกันในช่วงเวลาที่ท้าทาย สร้างสันติสุข และเป็นหลักประกันความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน”
กงสุลกฤษณะ จัยตัญญา กล่าวปิดท้ายว่า “นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีในวันนี้ ที่มาร่วมเป็นพยานในพิธีเปิดรูปปั้นคานธี ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับพิธีอัญเชิญพระบรมมาสารีริกธาตุพร้อมด้วยพระอรหันธาตุของสองอัครสาวกของพระพุทธเจ้า คือพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะที่มีกำหนดเดินทางจากประเทศอินเดียถึงกรุงเทพมหานครในวันพรุ่งนี้และจะนำมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ขอมิตรภาพระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดียแน่นแฟ้น ยั่งยืนสืบไป”
Like (0)
