แก้จนได้จริง! สภ.แม่ใจใช้พื้นที่เล็กๆหลังสภ.แม่ใจเลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ผลักดันสู่ชุมชนในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อให้ตำรวจชั้นผู้น้อยมีรายได้ รองรับการเติบโตตลาดโปรตีนทางเลือกที่กำลังสใสในอนาคต
พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.แม่ใจ นับแต่วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง ผกก.สภ.แม่ใจ มีแนวคิดการสร้างอาชีพเสริมให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา จากการที่ได้เห็นตัวเลขเงินเดือนของผู้ใต้บังคับบัญชาในสถานีเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพในปัจจุบันได้ จึงสนับสนุนให้มีการประกอบอาชีพในครัวเรือนในพื้นที่รับผิดชอบเชิงบูรณาการส่งเสริมอาชีพใหม่สร้างรายเสริมได้จริงและยั่งยืน ที่สำคัญคือมีตลาดรองรับอยู่ตลอด
จึงได้ใช้เวลาศึกษาทางเลือกทางสื่อโซเชียลหลายแขนง จนได้ข้อสรุปว่าการ การเลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศในปัจจุบัน ลงทุนเพียงครั้งเดียวก็สามารถเลี้ยงในระยะยาวได้ ที่สำคัญต้นทุนค่าอาหารเท่ากับศูนย์ วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆในการสร้าง การโรงเลี้ยงใช้วัสดุเหลือใช้ที่มีอยู่รอบตัวทั้งสิ้น ในระยะที่ 1 ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติเวรยาม ที่สภ.แม่ใจช่วยกันทดลองเลี้ยงผ่านไป 2 เดือนเห็นผลจริง คือ รับประทานได้ ขายได้ ตอนนี้มียอดจองทั้งไข่และตัวตั๊กแตนสด สามารถดำเนินโครงการระยะที่ 2 สานต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาว่างนำไปเลี้ยงสร้างรายได้เสริมนอกเหนือรายหลักได้ที่เป็นเงินเดือนจากการรับราชการต่อยอดให้ความรู้สู่ชุมชนต่อไป โดยให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ร่วมดำเนินโครงการเป็นผู้แนะนำในการเลี้ยงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนในชุมชนที่สนใจ
ร.ต.อ.สมบูรณ์ แนบกลางรองสวป.สภ.แม่ใจผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าวว่า การเลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า ลงทุนไม่มาก เริ่มต้นจากการทำกรงเลี้ยง โดยการนำเศษไม้และท่อพีวีซีมาทำเป็นโครงแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปูพื้นด้วยแผ่นกระเบื้อง และล้อมด้วยตาข่ายไนลอน ก็ทำได้ โดยการเลี้ยงตั๊กแตน ไข่ 1 ขีดใช้พื้นที่ 1×1 เมตร ไข่ 1 ขีด ให้ผลผลิต 3,000 – 5,000 ตัว ตั๊กแตน 1 กิโลกรัม จะมีตั๊กแตนสดประมาณ 300 -400 ตัว เท่ากับว่า ไข่ 1 ขีด ให้ผลผลิตได้ 10 กก.ขึ้นไป โดยตั๊กแตนสดสามารถขายได้ที่ประมาณ กก.ละ 300 บาท เท่ากับว่า ไข่ 1 ขีด สามารถ ทำเงินให้กับผู้เลี้ยงได้มากกว่า 3,000 บาท ยังไม่รวมการขายไข่ตั๊กแตน ซึ่งราคาอยู่ที่ กก.ละ 500 -1,000 บาท
ส่วนการเลี้ยงมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เริ่มจากนำไข่ตั๊กแตนวางไว้ในกรงเลี้ยง 7-10 วัน ก็จะฟักเป็นตัวอ่อน เมื่อตัวอ่อนเริ่มฟักออกมาก็ให้นำหญ้าหวานอิสราเอล หญ้าเนเปีย หรือ พืชตระกูลใบเลี้ยงเดี่ยวทั้งหมด เช่น ใบอ้อย ใบข้าวโพด หากหาไม่ได้จริงๆ ใบอ้อย หญ้าแห้วหมู หรือแม้แต่ใบผักตบชวา ก็สามารถนำมาเป็นอาหารของตั๊กแตนได้ โดยนำอาหารมาวางใส่ในกรง
ในช่วงวัยการเติบโตของตั๊กแตนนั้นจะมีการลอกคราบ 5 ครั้ง และเมื่อตัวอ่อนโตได้อายุประมาณ 40-45 วัน ก็จะเริ่มรู้เพศของตั๊กแตน ช่วงนี้สามารถขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ วิธีการสังเกตคือ ตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย และมีสีเขียวเหลือง ซึ่งเวลาที่อยู่ในกรงตัวผู้จะขึ้นขี่หลังตัวเมีย นั้นหมายความว่า ตั๊กแตนกำลังผสมพันธุ์กัน และจะวางไข่ในทรายละเอียดซึ่งเป็นภาชนะที่เตรียมเอาไปวางไว้ในกรอง ซึ่งเราสามารถนำไข่ของตั๊กแตนออกไปไว้ในบ่อฟักได้ทุกๆ 5 วัน โดยพ่อแม่พันธุ์ 1 คู่ สามารถให้ไข่ได้ 3 รอบ คู่ไหนที่เราเห็นว่าเพียงพอกับการให้ไข่แล้ว ก็สามารถนำตัวไปจำหน่ายเพื่อนำไปประกอบอาหารแบบชั่งกิโลขายได้แนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี เมื่อเห็นว่าเลี้ยงง่ายและดูแลไม่อยาก จึงเพาะขยายการเลี้ยงเพิ่มขึ้นและขยายผลสู่ชุมชนเพื่อให้มีรายได้ต่อไป
อนันต์ ข่าวพะเยา
Like (1)
