หน้าแรก ซะป๊ะ...เรื่องเก่า ซะป๊ะ…เรื่องเก่า | ร้าน “แป๊ะแปดนิ้ว” ร้านอาหารจีน ชื่อดังเมืองเชียงใหม่ ในยุคแรกๆ

ซะป๊ะ…เรื่องเก่า | ร้าน “แป๊ะแปดนิ้ว” ร้านอาหารจีน ชื่อดังเมืองเชียงใหม่ ในยุคแรกๆ

1309
0

ในปี พ.ศ.๒๕๓๐ คาดว่าร้านอาหารจีนที่ชื่อ “ร้านแป๊ะแปดนิ้ว” คงมีชื่อเสียงพอสมควรเพราะพบมีการโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ ข้อความว่า
“ท่านไม่ต้องไปทานหมูหันตามภัตตาคารให้แพงและสิ้นเปลืองเงินเปล่าๆ เชิญมาที่ แป๊ะแปดนิ้ว เราบริการท่านด้วยราคาต้นทุนตัวละสามร้อยกว่าบาท ท่านทานหนังเสร็จแล้ว เรายังบริการผัดเนื้อหมูทอดกระเทียมพริกไทยให้ท่านด้วย

แป๊ะแปดนิ้วบริการหมูหันและหูฉลามในราคาถูกแสนถูก เราบริการคุ้มค่า คุ้มเงินของท่าน นอกจากนี้เรายังบริการอาหารเฉโปจานละ ๑๐ บาท

อย่าลืมนะครับ วันไหนว่างก็เชิญมาใช้บริการได้ ถ้าไม่ว่างโทรสั่งได้ทันทีที่เบอร์ ๒๑๒๐๐๔ แป๊ะแปดนิ้วซิครับ” สมัยนั้นหมูหันเป็นอาหารชั้นดี ตัวละ ๓๐๐ กว่าบาทก็ถือว่าราคาสูงแล้ว

นอกจากนี้มีอาหารแปลกที่ชื่อ “เฉโป” จานละ ๑๐ บาท ค้นพบว่าเป็นชื่ออาหารจีนชนิดหนึ่งนิยมกินกันทางจีนตอนใต้แถบมณฑลกวางตุ้งและฝูเจี้ยน มักเรียกว่า ข้าวเฉโปหรือเสียโป ประกอบด้วยข้าวสุกโปะด้วยหมูย่าง เป็ดย่าง ไส้พะโล้ เป็นต้น ราดด้วยน้ำซอส เล่ากันว่าสมัยที่มีบ่อนการพนันในกรุงเทพฯ จำนวนมากโดยเฉพาะการพนันโป นักพนันที่เสียเงินจากการพนันมักจะมาสั่งข้าวเสียโปกินที่หน้าบ่อน มีคนจีนทำขายเนื่องจากเป็นอาหารง่ายๆ และราคาถูก

น่าสนใจว่าร้านอาหารจีนที่ชื่อ “แป๊ะแปดนิ้ว” เหตุใดจึงใช้ชื่อนี้และมีความเป็นมาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถเปิดร้านอยู่ได้จนถึงปัจจุบันแม้ว่าร้านอาหารจีนขนาดเล็กร้านอื่นๆ จะทยอยปิดตัวลงเป็นส่วนใหญ่

ผู้เขียนเคยพบเจ้าของร้านแป๊ะแปดนิ้วสมัยที่ย้ายมาเป็นรองสารวัตรที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่ริมเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ ขณะกำลังคุมตำรวจตั้งด่านอยู่หน้าโรงพักเห็นรถกระบะมีคนนั่งอยู่ท้ายรถประมาณ ๗-๘ จึงขอตรวจค้นอาวุธและยาเสพติด คนขับเป็นชายรูปร่างท้วมผิวขาวเชื้อสายจีน กล่าวแนะนำตัวแบบเป็นกันเองว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารจีนอยู่ใกล้ประตูช้างเผือกในเมืองเชียงใหม่ กำลังพาลูกน้องพนักงานในร้านมาเที่ยวบ้านสาวที่อำเภอแม่ริม ขณะนั้นผู้เขียนรู้สึกแปลกใจที่เจ้าของร้านต้องทำหน้าที่พาคนทำงานในร้านมาเที่ยวในลักษณะเช่นนี้ ก่อนไปคนขับแจ้งด้วยว่าชื่อแป๊ะแปดนิ้วเพราะนิ้วมี ๘ นิ้วพร้อมกับชูมือซ้ายให้ดู นิ้วกลางและนิ้วนางไม่มี หลังจากนั้นเคยแวะมาทานที่ร้านแป๊ะแปดนิ้วหลายครั้ง อาหารราคาไม่แพงและมีปริมาณมาก

ร้านแป๊ะแปดนิ้ว ปัจจุบันตั้งอยู่ที่อาคารพาณิชย์ใกล้ประตูช้างเผือกด้านใน เจ้าของคือแป๊ะแปดนิ้วอายุ ๗๐ ปี เล่าว่าเกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ ละแวกตลาดเยาวราช เดิม “แซ่ตั้ง” รุ่นพ่อเกิดที่ประเทศจีนและอพยพมาอยู่กรุงเทพฯ สมัยเป็นเด็ก ต่อมาแต่งงานกับแม่ที่มีเชื้อสายจีนเช่นกัน มีลูกถึง ๑๑ คน แป๊ะเป็นลูกคนที่ ๔ พ่อประกอบอาชีพรับจ้าง วัยเด็กเรียนไม่จบระดับประถมศึกษาเนื่องจากเรียนหนังสือไม่เก่ง จึงออกมาทำงานรับจ้างที่ตลาดบางรัก แป๊ะเล่ารายละเอียดว่า

“สมัยเด็กผมต้องตื่นตั้งแต่ตี ๔ ตี ๕ ไปทำงานหารายได้ที่ตลาดบางรักสมัยนั้นอายุเพียง ๖-๗ ขวบเท่านั้น ไปทำงานร้านทอดมันได้ค่าจ้างเดือนละ ๑๕๐ บาท ไม่ได้ขอเงินแม่ ผมทำหน้าที่ขูดเนื้อปลา ปั้นลูกชิ้นปลา ตอนอายุ ๘ ขวบในปี พ.ศ.๒๕๐๔ พลั้งเผลอขณะหยิบชิ้นปลาเข้าเครื่องบด นิ้วมือซ้ายเข้าไปในเครื่องบดทำให้ต้องตัดนิ้วกลางและนิ้วนางไปสองนิ้ว เดิมผมชื่อว่า อี๊ ซึ่งภาษาจีนแปลว่ากลม หลังจากนิ้วเหลือ ๘ นิ้ว พ่อแม่และคนทั่วไปก็มักเรียกว่า “ไอ้แปดนิ้ว” เรื่อยมา

“บ้านผมอยู่ใกล้กับโรงพักพลับพลาไชย ทำให้คุ้นเคยกับนายตำรวจหลายคน ตอนเป็นเด็กท่านโสภณ วาราชนนท์เป็นสารวัตร ท่านมนัส ครุฑไชยยันต์เป็นรองผู้กำกับ สมัยหนึ่งผมเริ่มเป็นวัยรุ่นและไม่มีงานทำก็เที่ยวเล่นทั่วไป โดนตำรวจสายสืบโรงพักพลับพลาไชยจับไปส่งสถานแรกรับเด็กเยาวชน ตำรวจเรียกว่าไปช่วยราชการ

“อีกคนหนึ่งที่ผมคุ้นเคย คือ ท่านมานิตย์ พรประสิทธิ์ บ้านท่านอยู่หลังโรงหนังบรอดเวย์ ใกล้สามแยกหมอมี แม่ท่านมีร้านขนมครกมีชื่อเสียง ชื่อว่าขนมครกเศรษฐี รสชาติอร่อยและขายดี ตอนที่มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ ผมพบที่ร้านก๋วยเตี๋ยวในเมืองเชียงใหม่จึงเข้าไปสวัสดี ท่านถามว่าลื้อเป็นใคร ผมยกมือให้ดู ท่านเห็นนิ้วมี ๘ นิ้วก็นึกได้ ร้องว่าอ๋อไอ้แปดนิ้วและได้พูดคุยเรื่องเก่าๆ กัน”

จากชีวิตคนเชื้อสยจีนที่เติบโตที่ใจกลางกรุงเทพฯ ต่อมาได้โยกย้ายมาอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ.๒๕๒๙ เป๊ะให้ข้อมูลว่า

“ผมแต่งงานที่กรุงเทพฯ มีลูก ๓ คน เห็นว่ายากที่จะตั้งตัวได้ จึงเดินทางมาหาลู่ทางทำมาหากินที่เชียงใหม่ในปี พ.ศ.๒๕๒๙ ผมรู้จักคนกรุงเทพฯ ที่มาปักหลักที่เชียงใหม่ คือ เฮียโอวตี่ อีกคนหนึ่งคือ หยีมีร้านขายเหล้าบุหรี่ที่หน้าบลูมูนไนท์คลับ เห็นลู่ทางแล้วจึงไปทำงานอยู่กับพี่ต้อย นามสกุล รอดเจริญ เป็นเจ้าของร้านปิยมิตร ตัวแทนจำหน่ายเหล้าเบียร์สมัยนั้นมีรถกระบะสีเหลืองส่งเหล้าเบียร์ ร้านอยู่ใกล้แยกข่วงสิงห์ชื่อ ร้านปิยมิตร

“ทำอยู่ได้ระยะหนึ่ง พี่ต้อยไปเป็นหุ้นส่วนเปิดภัตตาคารสามปอยหลวงที่ใกล้แยกแจ่งหัวลิน จึงให้ผมไปทำหน้าที่เป็นกัปตันคุมเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม ทราบว่าภัตตาคารสามปอยหลวงสมัยนั้นมีหุ้นส่วนหลายคน คือ คุณอุดรพันธุ์ จันทรวิโรจน์, ท่านพิมล สินธุนาวา, คุณวัชระ ตันตรานนท์, คุณเหน่ง เจ้าของร้านตัดเสื้อผ้าฟอริดา, คุณสมพงษ์ เตชะสุขสันต์ก็มีหุ้นด้วย ผู้จัดการชื่อ พัฒนา พึ่งบุญ ณ อยุธยา เป็นเพื่อนกับคุณอุดรพันธุ์ สมัยนั้นมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป อีกคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนคุณอุดรพันธุ์ คือ คุณฟ้าลั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา ทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมปอยหลวงอยู่ใกล้สี่แยกไปอำเภอสันกำแพง

“ผมทำงานเป็นกัปตันที่ภัตตาคารสามปอยหลวงอยู่หลายปีจนเลิกกิจการ จึงออกมาเปิดร้านของตัวเอง โดยไปเช่าตึกแถวอยู่ข้างอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เปิดร้านขายบะหมี่เกี๊ยว ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ช่วงนี้รับเมียและลูกจากกรุงเทพฯ มาอยู่ด้วย ร้านผมไม่มีชื่อร้านอยู่ปากทางเข้าซอยคนละฝั่งกับร้านข้าวมันไก่เกียรติโอชา

“ขายอยู่ได้ประมาณ ๒ ปี เจ้าของตึกแถวขอคืนจึงได้ย้ายไปเปิดอยู่ใกล้ประตูช้างเผือก เป็นร้านของญาติให้เช่า เปลี่ยนมาขายอาหารจีน คือ กระเพาะปลา หูฉลามและอาหารจีนอื่น ผมมีความรู้เรื่องอาหารจีนเนื่องจากชอบไปคลุกคลีกับกุ๊กตามภัตตาคารต่างๆ ตั้งแต่อยู่ที่กรุงเทพฯแล้ว มาอยู่เชียงใหม่ก็คุ้นเคยกับกุ๊กหลายร้าน โดยเฉพาะกุ๊กภัตตาคารซีเอ็ม เจ้าของคือเฮียสมพร อัศวเหม ตั้งอยู่ปากซอยหน้าโรงแรมเชียงอินทร์

“เมื่อคนเริ่มรู้จักมากขึ้นแล้ว ผมรับทำโต๊ะจีนสำหรับงานเลี้ยงนอกสถานที่ สมัยนั้นมีลูกค้ามากแทบจะไม่ได้ใช้เงินเลย ลูกค้าคนแรกๆ ที่จำได้เช่น เฮียมิ้ง ร้านซิ้นเชียงหลีจ้างไปจัดโต๊ะจีนงานแต่งงานของญาติ ต่อมาเฮียเส่ง จ้างไปจัดโต๊ะจีนงานประจำปีของศาลเจ้าอำเภอจอมทอง อยู่จนร้านเดิมซึ่งเป็นตึกแถว ๑ ห้องมีคนมาขอซื้อราคา ๑๑ ล้าน ๕ แสนบาท ญาติจึงขายไป

“ปีที่แล้ว(พ.ศ.๒๕๖๔)ผมย้ายมาเปิดที่ใกล้ประตูช้างเผือกด้านในซึ่งเป็นตึกแถว ๒ ห้องซื้อไว้หลายปีแล้ว เคยเป็นบริษัทขายรถแทรกเตอร์ ภายหลังถูกยึดขายทอดตลาด ช่วงนี้มีเหตุการณ์โรคโควิดทำให้การรับจัดโต๊ะจีนยกเลิกไป ขายเฉพาะที่หน้าร้านเท่านั้น”
เรื่องการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ เป๊ะแปดนิ้วเล่าว่า

“ผมคุ้นเคยกับตั้ม-ชาญชัย ลิ้มจรูญ ลูกชายของเฮียบรรจบ ลิ้มจรูญ เจ้าของไทยนิวส์ สมัยนั้นเฮียสมพร อัศวเหม เลิกภัตตาคารซีเอ็มแล้วย้ายไปเปิดภัตตาคารครัวไทยอยู่ถนนสายอ้อมเมือง ติดบ้านคุณคะแนน สุภา ผมคุ้นกับเฮียสมพรจึงแวะไปร้านนี้บ่อยทำให้รู้จักกับตั้ม ลิ้มจรูญ ร้านครัวไทยแห่งนี้ภายหลังเฮียสมพรเลิกกิจการ มีสุวิทย์มาเช่าทำต่อ คราวหนึ่งบ้านสุวิทย์ถูกปล้นทรัพย์ คนร้ายชื่อถนอมเคยเป็นทหารเก่า ตำรวจตามจับและไปวิสามัญที่ใกล้โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ ตอนหลังผมคุ้นเคยกับเฮียบรรจบ ลิ้มจรูญ สั่งอาหารร้านผมไปทานบ่อยๆ และลงโฆษณาให้ผมโดยไม่คิดเงิน”

ปัจจุบัน “ร้านเป๊ะแปดนิ้ว” ยังเปิดกิจการอยู่ อาหารมีขึ้นชื่อคือ กระเพาะปลา ข้าวผัดหนำเลี้ยบ เกี๊ยวกุ้ง ฯลฯ น่าแวะไปชิมลิ้มลองอย่างยิ่ง.

พ.ต.อ.อนุ เนินหาด เรียบเรียง

Like (0)
บทความก่อนหน้านี้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนาน จัด ศึกยัดห่วง “ยูนนานคัพ เชียงใหม่ 2022”
บทความถัดไปวันหยุดนี้ชวนเด็กๆ มาเที่ยวฟรีที่สวนสัตว์เชียงใหม่ 23 ตุลาคม 65 วันปิยมหาราช