เมื่อวันที่ 8 ม.ค 65 ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ไม่มีการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงคะยา KNPP. ในฝั่งตรงข้ามช่องทางชายแดนบ้านน้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังจากเมื่อวานนี้ทั้งสองฝ่ายปักหลักสู้รบกันตลอดทั้งวันทั้งในภาคพื้นดินและทางอากาศ ส่งผลให้ต่อมามีราษฎรชาวเมียนมาจากบ้านห้วยโป่งเลา จ.บ่อลาแคะ ส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ คนชรา ผู้หญิง และเด็ก ๆ จำนวนกว่า 200 คนพากันอพยพหนีการสู้รบเข้ามาแนวชายแดนไทยบริเวณเนิน 585 เขตหย่อมบ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน แต่ถูกทางการไทยสกัดไว้ให้อยู่ตามแนวชายแดนในซอกเขาที่ปลอดภัย เนื่องจากหวั่นกลัวโรคระบาด โดยมีเจ้าหน้าที่ อส. คอยควบคุมดูแล
ทั้งนี้นายอำพันธ์ กลิ่นขจรไกลยิ่ง ผู้ใหญ่บ้านห้วยเดื่อ ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งดูแลไปถึงหย่อมบ้านน้ำเพียงดินระบุว่า เหตุการณ์สู้รบระหว่างทั้งสองฝ่ายถึงแม้จะได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดชัดเจนในชายแดนฝั่งไทย แต่ชาวบ้านก็ไม่ค่อยกังวลใจ เพราะมั่นใจว่าไม่น่าจะเกิดผลกระทบมาถึงฝั่งไทย แต่ที่หลายฝ่ายวิตกคือเรื่องโรคระบาดกับผู้อพยพชาวเมียนมาที่จะทะลักเข้ามา ซึ่งตรงนี้ทางการจะต้องเตรียมหาพื้นที่รองรับผู้อพยพ และด้านสาธารณสุขไว้ควบคุมดูแล เพราะหากการสู้รบยืดยื้อออกไป จะต้องมีผู้อพยพเข้ามาช่องทางชายแดนบ้านน้ำเพียงดิน จำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงกองกำลังกะเหรี่ยงคะยาอ้างว่า “ ในการปะทะกันระหว่างกลุ่มของพวกตนกับทหารเมียนมา บริเวณดอยห่มปก ถ้ำงอบ ผาห่มน้ำน้อย และบ้านห้วยโป่งเลา เขตรัฐคะยา ฝั่งตรงข้ามบ้านน้ำเพียงดินของไทย ทางฝ่ายเมียนมาได้รับการสูญเสียมากกว่ากองกำลังกะเหรี่ยงคะยา โดยส่วนหนึ่งมาจากการโจมตีทางอากาศยานของทหารเมียนมาเอง ที่โจมตีผิดพลาดเป้าหมายทิ้งระเบิดลงฐานที่มั่นของพวกเดียวกัน จนทำให้ฐานทหารเมียนมาที่บ้านห้วยโป่งลอก๊ะ เกิดความสูญเสียอย่างหนัก
นอกจากนี้ทางแหล่งข่าวระดับสูงของกองกำลังกะเหรี่ยงคะยายังอ้างอีกว่า ทางกลุ่มกะเหรี่ยงคะยาได้มีการเสริมกำลังแนวร่วมหลายฝ่ายเข้ามาเพื่อปกป้องฐานที่มั่นดอยยามู ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านแม่ส่วยอู ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เตรียมพร้อมรับเต็มที่กับการโจมตีทางอากาศยานของทหารเมียนมา และพร้อมจะขัดขวางทหารช่างของเมียนมาอย่างเต็มที่ไม่ให้สามารถพัฒนาเชื่อมต่อเส้นทางจากแนวชายแดนไปยังเมืองสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการนำยานเกราะและกำลังพลลึกเข้ามาในเขตแนวชายแดนได้อย่างแน่นอน.
ในช่วงบ่ายศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเมียนมาด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน แถลงสถานการณ์ระบุว่าจากการสู้รบระหว่างทหารเมียนมา และกองกำลังชนกลุ่มน้อยพรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนี (KNPP.) ในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอนเมื่อช่วงเวลา 09.00 – 10.00 น. ของวันที่ 7 ม.ค ที่ผ่านมา มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจากบ้านดอนนกขุ จ.บ่อลาแคะ รัฐคะยา ได้เดินทางเข้ามาช่องทางทนาควาย หมู่ 4 ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอนรวม 360 คน และมีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา จาก จ.บ่อลาแคะ รัฐคะยาเดินทางเข้ามาบริเวณพื้นที่เนิน 585 ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอนรวม 226 คน ระหว่างนั้นปรากฏเครื่องบินของเมียนมาไม่ทราบชนิด ได้บินลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย- เมียนมาบริเวณตรงข้ามบ้านดอยแสง ต.ปางหมู และในวันที่ 8 ม.ค 65 ยังไม่ปรากฏการปะทะระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยแต่อย่างใด และสถานการณ์การสู้รบของทั้งสองฝ่ายไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทยบริเวณแนวชายแดน
สำหรับการปฏิบัติที่สำคัญของคณะทำงานศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วย 1. การให้ความช่วยเลหือตามหลักมนุษยธรรม ให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.)ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวอย่างทั่วถึง และพอเพียงต่อการดำรงชีพ ภายใต้การดำเนินการของภาครัฐ และ 2. ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นฝ่ายไทย อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ได้แจ้งให้คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นฝ่ายเมียนมาที่ อ. ผาซอง ของจ.บ่อลาแคะ ขอความร่วมมือทหารเมียนมาใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เกี่ยวกับการใช้อาวุธยิงสนับสนุนและเครื่องบินโจมตีต่อเป้าหมายไม่ให้ส่งผลกระทบต่อทหารไทยและประชาชนชาวไทย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหาราบที่ 7 กองกำลังนเรศวร และเจ้าหน้าที่ อส. ได้มีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้นถนนบริเวณสะพานข้ามลำห้วยผักหวานเขตบ้านห้วยเดื่อ ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอนเพื่อไม่ให้ยวดยานพาหนะและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องผ่านเข้าไปยังบริเวณช่องทางจุดผ่อนปรนบ้านน้ำเพียงดินเป็นการชั่วครว โดยระบุว่าอยู่ใกล้พื้นที่ปะทะ เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฝั่งตรงข้าม และห้ามเข้าเพื่อความปลอดภัย.
ชติ นรามณฑล แม่ฮ่องสอน
Like (0)