“ นบ.ยส.35 ขานรับนโยบายยาเสพติด SEAL STOP SAFE เสริมกำลังเขี้ยวเล็บหัวหน้าชุดปฏิบัติการ นบ.ยส.35 เพื่อสกัดกั้น ลดการนำเข้ายาเสพติด ลดการส่งออกสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ”
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องพลอยไพลิน โรงแรมกรีนเลครีสอร์ท อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ
สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนชายแดนภาคเหนือ พ.ศ. 2568 ร่วมด้วย นายธันวา ผุดผ่อง ผอ.ปปส.ภาค 5 พลตำรวจตรี ธนรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 นายฤทธิเดช จรรยาพงษ์ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ อำเภอเชียงของ และนายสุวิทย์ สิงห์อยู่ ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์ข่าวและเฝ้าระวัง สำนักงาน ปปส. ภาค 6
โดย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2568 ให้กับหัวหน้าชุดปฏิบัติการ นบ.ยส.35 จากหน่วยงาน ทหาร, ตำรวจ, ปกครอง และ ป.ป.ส. รวม 240 นาย ในพื้นที่ 6 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย, น่าน, พะเยา, แม่ฮ่องสอน และตาก เพื่อให้เกิดการบูรณาการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ สกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์เข้ามาภายในประเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นการเสริมสร้างเครือข่ายการทำงานของ นบ.ยส.35 ให้เกิดการบูรณาการอย่างจริงจัง เด็ดขาด
พลโท กิตติพงศ์ ฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ในพิธีเปิดปฏิบัติการ สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “ SEAL STOP SAFE ” ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ณ
ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ฯ ได้ กล่าวว่ารัฐบาลต้องการให้ทุกหน่วยงานได้ร่วมกันปฏิบัติในการสกัดกั้น หรือการปิดกั้นชายแดน ไม่ให้ยาเสพติดหลุดรอดเข้ามาในประเทศ ในห้วงระยะเวลา 6 เดือน (กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม) โดยกำหนดพื้นที่เร่งด่วนในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ใน 14 จังหวัด รวม 51 อำเภอชายแดน 76 สถานีตำรวจ
เพื่อลดปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม
SEAL สกัดกั้นพื้นที่ชายแดน มีทหารเป็นกำลังหลักในการผนึกกำลังทุกภาคส่วนเข้ายับยั้งไม่ให้มียาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เข้ามาภายในประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ
STOP หยุดวงจรยาเสพติด มีตำรวจเป็นกำลังหลัก บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด จับกุมผู้ค้า รวมถึงขยายผล อายัดทรัพย์กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด SAFE สร้างพื้นที่ปลอดภัย มีฝ่ายปกครองเป็นกำลังหลัก ยับยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด และไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ภายในหมู่บ้าน /ชุมชน รวมถึง นำผู้เสพฯเข้าบำบัด ฟื้นฟู พัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วงจรเดิมอีกต่อไป
นบ.ยส.35 จึงได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในวันนี้ขึ้น เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพกำลังพลระดับหัวหน้าชุดปฏิบัติการของหน่วยภายใต้โครงสร้างของ นบ.ยส.35 และเป็นการทบทวนความเข้าใจการขับเคลื่อนงานตามแผนปฏิบัติการ รวมถึงได้ร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงาน และเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อให้เกิดการบูรการในการทำงานอย่างแท้จริง รวมถึงมาตรการการทำงานเชิงรุกในทุกมิติ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของงานอันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในที่สุด
โดย ผลการปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติด ในห้วง 4 เดือนที่ผ่านมาในพื้นที่รับผิดชอบของ นบ.ยส.35 (1 ต.ค.67 – 3 ก.พ.68) มี 71 เหตุการณ์สำคัญ, เป็นการปะทะกับกลุ่มขบวนการ 14 ครั้ง, ตรวจยึด/จับกุม 57 ครั้ง (ติดตามจับกุมนอกพื้นที่ 3 ครั้ง) ของกลางยาเสพติดยาบ้า 97,761,614 เม็ด, ไอซ์ 6,899 กก., เฮโรอีน 140 กก., คีตามีน 835 กก., ฝิ่นดิบ 1 กก. HappyWater 4.8 กก., เคมีภัณฑ์ 880 ตัน, ผู้ต้องหา 74 ราย และ กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 4 ศพ
จากการปฏิบัติงานอย่างเข้มข้นในการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือที่ผ่านมาส่งผลให้สถานการณ์การลักลอบนำเข้ามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป โดยพบว่า ในห้วงไตรมาสที่1 ของปีนี้ มีผลการจับกุมยาเสพติดที่นำเข้าทางพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงขึ้นกว่าการจับกุมในพื้นที่ภาคเหนือ โดยในพื้นที่ภาคเหนือพบการลักลอบนำเข้าไอซ์สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากนี้พบว่ากลุ่มขบวนการฯได้เปลี่ยนวิธีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามามีจำนวนครั้งที่มากขึ้น แต่ปริมาณในการลำเลียงลดลง ทั้งนี้คาดว่าเพื่อกระจายความเสี่ยงในการถูกตรวจยึดจับกุม จากความเข้มข้นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และคาดว่าจะส่งผลให้การลักลอบลำเลียงเปลี่ยนทิศทางนำเข้าไปใช้พื้นที่ชายแดนด้านอื่นเพิ่มมากขึ้น
Like (0)