นางฟ้ากู่เจิง ผู้พิการทางสายตา สร้างสีสันดนตรีท่ามกลางธรรมชาติ ส่งความสุขด้านเสียงเพลงและแรงบันดาลใจผ่าน “กู่เจิง”
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2567 ณ บริเวณกลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดการแสดงโชว์พิเศษ จาก ” นางฟ้ากู่เจิง ” นักดนตรีพิณกู่เจิงเสียงสวรรค์ ผู้พิการทางสายตา จากจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับเชิญจากรายการทีวีมากมายหลายช่องด้วยเสียงดนตรีที่สร้างความสุขและเรื่องราวการสร้างแรงบันดาลใจ และพลังบวกผ่านเสียงดนตรี ท่ามกลางพรรณพฤกษานานาพันธุ์ บรรยายกาศที่สดชื่นเย็นสบาย ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมสวนอย่างคึกคัก
แอนนี่ – อธิษฐ์รดา จันทร์ชูวณิชกุล หญิงสาวผู้ที่ต้องประสบกับโรคจอประสาทตาเสื่อมตั้งแต่กำเนิด ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความพร่ามัวหรือแทบมองไม่เห็นจนกระทั่งเติบโตพร้อมกับวัยและแน่นอนว่าสิ่งที่สูญเสียย่อมมีสิ่งมาทดแทน โชคชะตาได้ลิขิตให้แอนนี่ได้รู้จักกับกู่เจิง พิณจีนโบราณ 21 สาย เป็นเครื่องสายที่จุดประกายความสว่างในโลกอันพร่ามัวจนแทบมืดสนิท ที่เล่นจากประสาทสัมผัส จนกลายเป็นทั้งเพื่อนและสิ่งที่รัก จนสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างตัวตนเธอให้เป็น ‘แอนนี่ นางฟ้ากู่เจิง’ พิณจีนเสียงสวรรค์มองไม่เห็น แต่เล่นด้วยได้หัวใจ นางฟ้ากู่เจิงนักดนตรีมีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต
ในวันนี้เธอได้อาสามาสร้างความสุขจากการบรรเลงกู่เจิงในสวนพฤกษศาสตร์ฯ ซึ่งเธอเล่าว่า มีความประทับใจในสถานที่แห่งนี้และมีความสุขมาก เป็นเหมือนแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติบำบัด ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังของธรรมชาติ และก็นึกถึงกู่เจิงของตนเองว่าเป็นดนตรีบำบัดเช่นกัน ถ้าเอากู่เจิงมาเล่นท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ ผู้ชมก็น่าจะมีความสุขด้วยเช่นกัน นอกจากการแสดงกู่เจิงของตัวเธอเองแล้ว ยังมีผู้ร่วมบรรเลงกู่เจิงคนอื่นอีกด้วย อาทิ น้องแพรพลอย ลิขิตเอกราช(น้องพลอย) นักเรียนระดับชั้น ปวส. วิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการลานนา เชียงใหม่ ดีกรีเจ้าของรางวัลเดี่ยวขิมสาย ระดับจังหวัด ระดับภาคเหนือและระดับประเทศ และน้องทีม ปริญ วงศ์บุณยกร ชายหนุ่มที่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของแอนนี่ นางฟ้ากู่เจิง จากจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
แอนนี่ได้บอกว่า “เริ่มเล่นกู่เจิงจากเพลงที่ตนเองชอบแล้วก็แกะขึ้นเอง เนื่องจากบ้านอยู่ไกลและหาครูสอนไม่ได้ อีกทั้งยังไม่สามารถเล่นเหมือนคนปกติได้ เพราะมองไม่เห็น ไม่สามารถอ่านโน๊ตได้ จึงต้องเปิดฟังเสียงในอินเตอร์เน็ต แล้วหาทางแกะเอาเองให้มันเป็นเพลง ก็ฝึกฝนมาเรื่อยๆจนคล่อง จนสามารถเล่นกู่เจิงให้คนอื่นได้ฟังในแบบฉบับของตนเองซะมากกว่า จนได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้คนทั่วไป”
เธอยังบอกอีกว่า “รู้สึกสนุกกับงานแสดง ที่ได้เล่นกู่เจิง ได้เดินทาง นำพาเราไปในที่เราไม่เคยไป ได้เจอกับผู้คนมากมาย สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนที่รู้สึกท้อแท้กับชีวิตได้ เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราไม่ต้องเหมือนกับคนอื่นก็ได้ แต่เราจะสร้างชีวิตของเรา ให้เรามีความสุขในแบบตัวเราเองได้เท่านั้นก็พอ” ทุกวันนี้เธอมีครอบครัวที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนด้วยดีมาตลอด
ทุกวันนี้แอนนี่บอกกับเราอย่างมั่นใจว่า “เธอเป็นนักดนตรีมืออาชีพ ที่สามารถสร้างความสุขผ่านเสียงดนตรีกู่เจิงให้กับผู้คนได้ สามารถรับงานได้ทั่วประเทศไทย อีกทั้งเครื่องดนตรีกู่เจิงเป็นเหมือนเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจ ที่สามารถเล่าเรื่องได้ จากเรื่องของตนเองที่พาตนเองจากผู้พิการสายตาที่อยู่ที่บ้าน เรื่องราวการต่อสู้ต่างๆของชีวิต ที่ต้องเอาชนะใจของตนเองเพื่ออยู่บนโลกใบนี้ให้ได้ กลายมาเป็นนางฟ้าที่ขึ้นมาอยู่บนเวทีการแสดง ไปโชว์ตามสถานที่ต่างๆ สร้างความสุขด้านเสียงเพลงให้กับผู้คนจนถึงทุกวันนี้”
“ความพิการไม่ใช่อุปสรรคของชีวิต ไม่ได้หมายความว่าชีวิตหมดสิ้น ซึ่งความหวัง ความสุข ของชีวิตที่จะก้าวต่อไป ความทุกข์ใจที่เกิดจากการช่วยเหลือตนเองไม่ได้จะแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังสู้ต่อไป”
พัชรินทร์ คันธรส/นที บุญมี ข่าวมุมเหนือ
Like (1)
