นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดพะเยา ระหว่างวันที่ 12 – 14 กันยายน 2565 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี สร้างโอกาสและช่องทางขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการปรับตัวและเตรียมความพร้อมสู่การเปิดในอนาคต ซึ่งในวันนี้ (12 ก.ย.65) ได้เดินทางไปที่กลุ่มทอผ้าไทลื้อบ้านทุ่งกล้วย ตำบลทุ่งกล้วย อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา พร้อมร่วมประชุมหารือและเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการและเกษตรกร รวมทั้งศึกษาดูงานสำรวจศักยภาพสินค้า
โดยมีนางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ , นางเปลี่ยน ดีจิตร ประธานกลุ่มทอผ้าไทลื้อบ้านทุ่งกล้วย , นางศุภมิตร เต็งเผ่ พาณิชย์จังหวัดพะเยา , ผู้แทนหอการค้าจังหวัดพะเยา , ผู้แทนสำนักงานกาค้าสินค้า , และผู้แทนท้องที่ท้องถิ่นในพื้นที่ ร่วมสัมมนาในหัวข้อ “สร้างมูลค่าผ้าทอไทย สู่ตลาดการค้าเอฟทีเอ”
สำหรับการลงพื้นที่ดังกล่าว เป็นไปตามโครงการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ FTA Center ระดับจังหวัด ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา เพื่อหารือเรื่องโอกาสและช่องทางการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสินค้าเกษตรของไทย โดยพบปะหารือกับผู้ประกอบการกลุ่มทอผ้าไทลื้อบ้านทุ่งกล้วย
ซึ่งเป็นผู้ผลิตผ้าขึ้นชื่อของจังหวัดพะเยา อีกหนึ่งสินค้าที่มีศักยภาพ ที่สามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ให้คำแนะนำเรื่องการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การขยายช่องทางจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งแนวทางการเพิ่มมูลค่าผ่านการสร้างเรื่องราว การเน้นกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความนิยมของผู้บริโภคในตลาดโลก และจะทำให้สามารถพัฒนาสินค้าให้อยู่ในระดับส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีความตกลงการค้าเสรีแล้ว 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ โดยประเทศคู่ค้าที่ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าลิ้นจี่จากไทยแล้ว ได้แก่ อาเซียน (ยกเว้น สปป. ลาว ที่ยังคงภาษี 5% สำหรับลิ้นจี่อบแห้ง) จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง และชิลี
ในขณะที่ 3 ประเทศคู่ FTA ได้แก่ เกาหลีใต้ อินเดีย และเปรู ได้ลด/ยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าลิ้นจี่บางส่วน เมื่อปี 2564 ไทยส่งออกลิ้นจี่สดไปตลาดโลก 850 ตัน มูลค่า 27.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.37% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน มาเลเซีย และสิงคโปร์
อนันต์ ข่าวพะเยา
Like (0)