หน้าแรก ข่าวเชียงใหม่ รอง ผู้การตำรวจ ปทส ลุยปิดบ่อขยะเถื่อนรุกผืนป่าสงวน เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว

รอง ผู้การตำรวจ ปทส ลุยปิดบ่อขยะเถื่อนรุกผืนป่าสงวน เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว

390
0

รองผู้บังคับการตำรวจ ปทส.สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจปทส. เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ ป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ปิดบ่อขยะเถื่อนบุกรุกพื้นที่ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว ลักลอบทิ้งขยะใกล้กับชุมชนพื้นที่ ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง หลังเจ้าหน้าที่ใช้อากาศยานไร้คนขับตรวจจับความร้อน เข้าตรวจสอบจนพบจุดความร้อนบริเวณดังกล่าวจากการตรวจสอบพบมีการลักลอบทิ้งขยะ 2 จุดเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี และมีการลักลอบเผา นอกจากนี้ยังตรวจพบรถขยะต้องสงสัยที่ลักลอบนำขยะไปทิ้งบริเวณดังกล่าวขณะที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนหาที่มาของขยะทั้งหมด

พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผู้บังคับการตำรวจ ปทส. พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 บก.ปทส. นายสมคิด ปัญญาดี ผู้อำนวยการส่วนยุทธศาสตร์ ทสจ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 ปทส.เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.5 (เวียงแหง) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร สภ.เวียงแหง ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อขยะเถื่อน 2 จุดในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว พื้นที่ ต.แสนไห อ.เชียงดาว

ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ใช้อากาศยานไร้คนขับแบบติดตั้งกล้องจับความร้อน หรือ thermal camera บินตรวจสอบพื้นที่บริเวณ ต.แสนไห และ ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ตรวจพบพื้นป่าที่ลักษณะถูกไฟไหม้เป็นบริเวณกว้าง และพบกลุ่มควันจำนวนมาก จากนั้นได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เมื่อไปถึงบริเวณพิกัดดังกล่าว พบลักษณะเป็นพื้นที่ลานกว้าง มีขยะถูกทิ้งอยู่จำนวนมากกองเป็นภูเขา และบางจุดมีการลักลอบเผาใกล้กับพบบ่อขยะอีก 1 บ่อมีร่องรอยการเผาขยะเช่นกัน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ได้ประสานข้อมูลจากหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ชม.5 เวียงแหง พบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว เจ้าหน้าที่ ปทส. ชุดปฏิบัติการจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และวางแผนร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

ต่อมาพ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผู้บังคับการตำรวจ ปทส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 บก.ปทส. และ นายสมคิด ปัญญาดี ผู้อำนวยการส่วนยุทธศาสตร์ ทสจ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.เจ้าหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.5 (เวียงแหง) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าตรวจสอบบ่อขยะดังกล่าวในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว บ้านใหม่มะกายอน ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ จากการตรวจสอบพบพื้นที่ป่าถูกตัดโค่นแปลสภาพเป็นลานกว้างใช้สำหรับทิ้งขยะ และมีการนำขยะไปทิ้งในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเป็นเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 28 ตารางวา และอีกจุดมีลักษณะเป็นบ่อขยะ ทั้งสองจุดมีการลักลอบเผาขยะ

อย่างไรก็ตามขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อขยะบริเวณดังกล่าวพบลูกจ้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่ง จึงได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นพร้อมกับยอมรับว่ามีการลักลอบทิ้งขยะบริเวณดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี นอกจากนี้จากการตรวจสอบขยะและถุงดำใส่ขยะพบมีการสกรีนถุงดำระบุชื่อ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งฯถูกทิ้งไว้ในบ่อขยะ นอกจากนี้ขณะที่เจ้าหน้าที่นำโดรนขึ้นบินยังสามารถบันทึกภาพรถขยะต้องสงสัยที่ลักลอบนำขยะไปทิ้งบริเวณดังกล่าวไว้อีกด้วย

เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าว ก่อนจะสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จ.เชียงใหม่ จะแจ้งความดำเนินคดี ข้อหา แผ้วถาง บุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ใช้พื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุให้เป็นจุดทิ้งขยะ เป็นการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ ประมวลกฎหมายที่ดิน นอกจากนี้การกระทำดังกล่าวยังผิดตามประกาศห้ามเผาของจังหวัดเชียงใหม่ อีกด้วย

ด้าน พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผู้บังคับการตำรวจ ปทส. เปิดเผยว่าจากปัญหาการลักลอบเผาป่าทำให้เกิดผลกระทบทั้งฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบเผาบ่อขยะ ทำให้เกิดปัญหามลพิษและส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ได้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาผนวกกับรถยนต์สายตรวจ ที่ติดตั้งระบบบอกพิกัด GPS ที่สามารถรับข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ จากอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน Drone แบบติดตั้งกล้องจับความร้อน หรือ thermal camera ที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถของรถสายตรวจในการตรวจสอบเหตุ ค้นหาสถานที่ และบุคคลในระยะไกลเพื่อ ตรวจหาพื้นที่เกิดไฟป่า หรือ ผู้เผาไฟได้

โดยเฉพาะเมื่อกล้องจับความร้อนสามารถจับความร้อนของบุคคลที่อยู่บริเวณรอบที่เกิดการเผาไหม้ซึ่งอาจจะมีส่วนรู้เห็นหรือในอีกทางหนึ่งยังสามารถเป็นพยานให้กับเจ้าหน้าที่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถดึงข้อมูลจุด Hotspot ซึ่งส่งข้อมูลผ่าน Website ขององค์การ Gitsda และ องค์การ Nasa เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและเข้าถึงข้อมูลของสายตรวจสิ่งแวดล้อม เพื่อความแม่นยำและรวดเร็วก่อนที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามจะลงพื้นที่ตรวจจับผู้กระทำความผิด

Like (0)
บทความก่อนหน้านี้สาวลำพูน ใจเด็ด..สืบหาคนปลอมเฟซบุ๊กมานาน 3 ปี ถูกนำรูปภาพไปแอบอ้าง
บทความถัดไป“ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” บุกเมืองเหนือครั้งแรกขนเมนูเด็ดทั่วประเทศให้ทุกท่านได้ชิม