เมื่อวันที่ 16 ต.ค 64 นายภานุเดช ไชยสกูล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.แม่ฮ่องสอน ได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนพร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรีภานุวัฒน์ ขัดนาค ผอ. ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอนคนใหม่ และผู้ประกอบการ ได้เดินทางลงไปสำรวจพื้นที่บ่อน้ำพุร้อนเหมืองแร่ หมู่ 4 บ้านสบสา ต.เมืองแปง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
หลังจากมีข่าวเด็กชายชาวรัสเซียพลัดตกลงไปจนถูกน้ำที่มีอุณภูมิเดือดมากลวกได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อที่จะเล็งพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนแห่งใหม่ของ จ.แม่ฮ่องสอน เพราะเป็นน้ำพุร้อนที่ติดริมถนน นอกจากจะมีอุณภูมิความร้อนสูงถึง 94-96 องศาแล้ว ยังมีแรงปะทุสูง 1.5 เมตร ซึ่งถือว่ามีอุณภูมิความร้อนสูง สามารถต้มไข่ให้สุกได้ภายในไม่กี่นาที และแตกต่างจากน้ำพุร้อนแห่งอื่นของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่มีความร้อน 40 – 65 องศาเท่านั้น พร้อมกันนี้บริเวณใกล้
นายภานุเดช นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอนกล่าวต่ออีกว่า หากมีการพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากน้ำพุร้อนแห่งนี้มีกำมะถันน้อยกว่าแหล่งน้ำพุร้อนแห่งอื่น ลักษณะน้ำพุ่งออกสู่พื้นผิวรอบข้าง ไม่ได้เป็นบ่อแต่เป็นแอ่งน้ำลึกประมาณ 20 ซม. มีอาณาบริเวณ 20 ตรม. ที่สำคัญอยู่ติดกับถนนทางหลวงและไม่อยู่ห่างจากตัว อ.ปาย เพียง 13 กม. หากในอนาคตเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างทางการจะทำให้ชุมชนมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และหันมาร่วมกันใส่ใจดูแลความสะอาด ความปลอดภัย และสุขะอนามัยต่าง ๆ ไม่ปล่อยทิ้งร้างเหมือนปัจจุบัน
ด้านว่าที่ร้อยตรีภานุวัฒน์ ผอ. ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน กล่าวเกี่ยวกรณีน้ำพุร้อนเหมืองแร่ว่า หากมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ จะต้องมีการปรับปรุง เพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกกับผู้มาเที่ยวชมอีกหลายอย่าง ซึ่งจะต้องอาศัยองค์ความรู้ รวมถึงการดีไซต์รูปแบบที่เหมาะสมเพื่อต่อยอดในในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเชิงสุขภาพ ตนจะได้ร่วมประสานผลักดันกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ และทำการเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการระดับจังหวัดหาเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาให้ดีขึ้น แต่ระยะนี้ใกล้เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้ทราบข่าวเรื่องบ่อน้ำพุร้อนเหมืองแร่แห่งนี้ในช่วงหน้าหนาวปีนี้อาจพากันเดินทางมาเที่ยวชมกันมากขึ้น เบื้องต้นได้มีการประสานกับชุมชนและ อบต.เมืองแปง ให้มีการทำรั้วไม้กั้น และติดป้ายเตือนจำกัดบริเวณเขตอันตรายทั้งภาษาไทย อังกฤษและภาษาจีน เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ผู้พลัดตกลงไปในบ่อน้ำพุร้อนเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มักประมาทเลินเล่อ ชาวบ้านควรคอยสอดส่องตรงนี้ด้วย.
ขณะที่ทาง นางอำไพ ชัยศรี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 หย่อมบ้านเหมืองแร่ บ้านสบสา ต.เมืองแปง ระบุจะได้เกณฑ์ชาวบ้านมาทำรั้วไม้ไผ่กั้นบริเวณน้ำพุร้อนเป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก เชื่อว่าหน้าหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป จะมีนักท่องเที่ยวที่ทราบข่าวตั้งใจพากันมาชมและสัมผัสบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้กันเพิ่มขึ้นกว่าทุกปีอย่างแน่นอน .
โชติ นรามณฑล แม่ฮ่องสอน
Like (0)
